ภาวะอุตสาหกรรม
ภาพรวมการดำเนินงานและปัจจัยที่ทำให้มีการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ
ภาวะเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมที่มีผลต่อการดำเนินงาน
เศรษฐกิจไทยปี 2565 คาดว่าจะขยายตัวในช่วงร้อยละ 3.5 - 4.5 โดยมีปัจจัยสนับสนุนที่สำคัญประกอบด้วย
รายได้หลักของเด็มโก้มาจากงานวิศวกรรมไฟฟ้า ออกแบบ จัดหา ก่อสร้างและติดตั้งงานวิศวกรรมไฟฟ้าอย่างครบวงจร (Turnkey Basis) ทั้งงานก่อสร้างสถานีไฟฟ้าย่อย งานก่อสร้างสายส่ง และงานก่อสร้างเคเบิลใต้ดิน ซึ่งในแต่ละปีการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย มีงบประมาณที่จะเปิดประมูลประมาณ 10,000 ล้านบาทต่อปี การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ประมาณ 700 ล้านบาทต่อปี และงาน ระบบสายไฟฟ้าใต้ดิน (Underground) ประมาณ 200 ล้านบาทต่อปี ซึ่งจะเห็นได้ว่าเด็มโก้ยังมีตลาดที่จะเติบโตจากธุรกิจการให้บริการด้าน วิศวกรรมไฟฟ้า นอกจากนี้ ตามแผนกลยุทธ์ที่เด็มโก้ให้ความสำคัญเพิ่มการรับงานในส่วนการให้บริการงานระบบ เครื่องกล ระบบไฟฟ้า ระบบเครื่องมือวัด และระบบสื่อสาร โทรคมนาคม (Mechanical, Electrical, Instrumentation and Telecommunication System (MEIT) ที่มีการเติบโตขยายตามแผนการลงทุนต่าง ๆ ที่สอดรับกับแผนพลังงานแห่งชาติและโครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก – EEC ของลูกค้าในกลุ่มธุรกิจน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ รวมถึงลูกค้า ในกลุ่มอุตสาหกรรมต่าง ๆ เช่น บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และบริษัทในเครือ เป็นต้น ในส่วนของงานด้านพลังงานทดแทน เด็มโก้ให้บริการออกแบบ จัดหา และก่อสร้าง โครงการผลิตกระแสไฟฟ้าโดยใช้พลังงานทางเลือก ซึ่งเด็มโก้อยู่ระหว่างการศึกษาร่วมกับพันธมิตรในโครงการลงทุน พลังงานทดแทน ซึ่งรัฐบาลมีนโยบายสนับสนุนการลงทุนภาครัฐตามแผน PDP ซึ่งจะมุ่งเน้นความมั่นคงด้านพลังงาน ระบบการผลิตไฟฟ้าที่มีความยืดหยุ่น และผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม ส่งผลให้มีการปรับสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าจาก พลังงานสะอาด เพื่อมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) จากนโยบายและแผนทั้งหมดเอื้อให้ เกิดการขยายกำลังการผลิต การขยายและพัฒนาระบบส่งไฟฟ้าและการลงทุนโรงไฟฟ้าใหม่
นอกจากนี้การขับเคลื่อนการใช้จ่ายและการลงทุนภาครัฐ ในการเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2565 ให้ได้ไม่น้อยกว่าร้อยละ 93.4 ของกรอบงบประมาณทั้งหมด และงบลงทุนรัฐวิสาหกิจให้ได้ไม่น้อยกว่าร้อยละ 70 ของงบประมาณทั้งหมด รวมทั้งการเบิกจ่ายโครงการตามพระราชกำหนดกู้เงินโควิด-19 เงินกู้วงเงิน 1 ล้านล้านบาท และ 5 แสนล้านบาทในส่วนทีเหลือ การขับเคลื่อนการลงทุน โครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ของภาครัฐทั้งในด้านการลงทุน พัฒนาพื้นที่เศรษฐกิจ และโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคม ขนส่งให้เป็นไปตามแผนงาน โดยเฉพาะการเร่งดำเนินการในโครงการที่สำคัญ ๆ ที่ได้มีการอนุมัติให้ดำเนินการแล้ว อาทิ โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ โครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าขนส่ง มวลชน โครงการรถไฟชานเมือง โครงการลงทุนสำคัญด้าน พลังงาน เป็นต้น จะเป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ และอุตสาหกรรมของประเทศ ที่ส่งผลต่อการหางาน และการดำเนินงานของเด็มโก้ ในภาพรวม
แนวโน้มของพลังงานในปี 2566
แนวโน้มของพลังงานในปี 2566 จะมีการลงทุนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในการผลิตพลังงานแสงอาทิตย์ ชีวมวล ก๊าซชีวภาพ และพลังงานจากขยะ เริ่มตั้งแต่ไตรมาสที่ 4 ปี 2566 จากนโยบายภาครัฐโดยสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) มีโครงการการจัดหาพลังงานหมุนเวียนใน รูปแบบ Feed-in Tariff (FiT) ปี 2565-2573 ขนาดรวมมากกว่า 5,000 MW ซึ่งจะทำให้ในช่วง 2566-2568 ตลาดด้านงานก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน รวมถึงสถานี ไฟฟ้าย่อย และระบบส่งและจำหน่ายไฟฟ้าจะมีการเติบโต อย่างมาก ในขณะที่ความต้องการไฟฟ้าจากภาคอุตสาหกรรม เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน การฟื้นตัวในหลาย อุตสาหกรรม ทั้งอุตสาหกรรมชิ้นส่วนและการประกอบรถยนต์ อุตสาหกรรมก๊าซ เครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวเรือน อาหารและ เครื่องดื่ม วัสดุก่อสร้าง และบรรจุภัณฑ์ โดยได้แรงหนุนหลัก จากการเติบโตของภาคอุตสาหกรรมที่จะได้ประโยชน์จากการ ขยายตัวของการส่งออก รวมถึงการส่งเสริมการใช้รถไฟฟ้าที่ จะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจะส่งผลต่อการลงทุนในสถานีอัดประจุไฟฟ้า ความต้องการของการติดตั้งอุปกรณ์ไฟฟ้าและความ ต้องการไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว คาดว่าในปี 2566 ความความต้องการใช้พลังงานขั้นต้นของประเทศจะเพิ่มขึ้น 2.7% อยู่ที่ 2,111 พันบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน ภาวะธุรกิจ จะดีขึ้นสำหรับผู้ผลิตไฟฟ้า และการสนับสนุนจากรัฐบาลใน
ผลการดำเนินงานและความสามารถในการทำกำไร
การลงทุนในอุตสาหกรรมตามที่กำหนดไว้ในแผนพัฒนาไฟฟ้า และการพัฒนาพลังงานทดแทน จากผลกระทบการปรับตัวเพิ่มขึ้นของราคาค่าไฟฟ้าต่อภาคอุตสาหกรรม จะส่งผลต่อความต้องการที่เพิ่มขึ้นของการลงทุนในการติดตั้งโซลาร์รูฟในประเทศ พลังงานชีวมวล (ผู้ผลิตระดับชุมชนและการริเริ่มของชุมชนภาครัฐและเอกชนในภาคใต้) ผู้ผลิตก๊าซชีวภาพ (สำหรับการผลิตระดับชุมชน) และโครงการเปลี่ยนขยะเป็นพลังงาน การแข่งขันในภาคธุรกิจจะรุนแรงขึ้น โดยเฉพาะพลังงานหมุนเวียน ผู้ประกอบการเดิมได้ขยายกำลังการผลิตเพื่อรองรับ ความต้องการของตลาด และการเข้าสู่ตลาดของ ผู้ประกอบการรายใหม่ อีกทั้งผู้ประกอบการที่มีจุดแข็งด้าน การเงินและเทคโนโลยี เช่น ผู้ผลิตไฟฟ้าอิสระ และ ผู้ผลิต ไฟฟ้าเอกชนรายเล็ก และผู้ประกอบการที่มีพื้นฐานด้าน วิศวกรรม การจัดซื้อจัดจ้าง และการก่อสร้างจะมีบทบาทมากขึ้น เนื่องจากข้อจำกัดด้านเวลา ซึ่งต้องใช้ความเชี่ยวชาญเป็น เรื่องสำคัญในการก่อสร้างโรงไฟฟ้าหรือระบบไฟฟ้าบางส่วน เป็นผู้ผลิตอุปกรณ์พลังงานแสงอาทิตย์ ผู้ประกอบการเหล่านี้ ได้เริ่มพัฒนาโครงการและส่งพลังงานหมุนเวียนเข้าสู่โครงข่าย ไฟฟ้าจากความได้เปรียบด้านราคา และ การพัฒนาสินค้าเข้าสู่ ตลาดอย่างต่อเนื่อง รวมถึงผู้ประกอบการรายใหญ่ที่วางแผนที่จะขยายการลงทุนทั้งในและต่างประเทศ
หน่วย: ล้านบาท
งบกำไรขาดทุนรวม | จำนวนเงิน | การเปลี่ยนแปลง | ||
---|---|---|---|---|
2565 | 2564 | จำนวนเงิน | ร้อยละ | |
รายได้จากการขายและบริการ | 2,100.10 | 2,560.16 | (460.06) | (17.97) |
รายได้อื่น | 37.35 | 171.21 | (133.86) | (78.18) |
รวมรายได้ | 2,137.45 | 2,731.37 | (593.92) | (21.74) |
ต้นทุนขายและบริการ | 2,002.42 | 2,359.30 | (356.88) | (15.13) |
ค่าใช้จ่ายในการขาย | 6.72 | 6.62 | 0.10 | 1.51 |
ค่าใช้จ่ายในการบริหาร | 305.79 | 343.64 | (37.85) | (11.01) |
ค่าใช้จ่ายอื่น | 10.58 | 3.40 | 7.18 | 211.18 |
ต้นทุนทางการเงิน | 55.17 | 54.20 | 0.97 | 1.79 |
รวมค่าใช้จ่าย | 2,325.51 | 2,712.96 | (387.45) | (14.28) |
ส่วนแบ่งกำไร(ขาดทุน)จากเงินลงทุนในบริษัทร่วมและการร่วมค้า | 133.60 | 162.42 | (28.82) | (17.74) |
ค่าใช้จ่าย (รายได้) ภาษีเงินได้ | 18.22 | 25.82 | (7.60) | (29.43) |
กำไร (ขาดทุน) สุทธิสำหรับปี | (127.85) | 100.80 | (228.65) | (226.84) |
ส่วนที่เป็นของบริษัทใหญ่ | (127.84) | 100.86 | (228.70) | (266.75) |
ส่วนที่เป็นของส่วนได้เสียที่ไม่มีอำนาจควบคุม | (0.01) | (0.07) | 0.06 | (85.71) |